ไม่ว่าวัยไหนก็หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับ “อาการตาแห้ง” เพราะชีวิตประจำวันต้องอยู่กับหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นจอคอม จอมือถือ จอทีวีเองก็ตามแต่ ล้วนแล้วแต่จะส่งผลให้เกิดอาการตาแห้งกันทั้งนั้น สำหรับวัยรุ่นติดมือถือ และพนักงานออฟฟิศจ้องคอมนาน ควรรับประทานอาหารบำรุงสายตาอยู่เสมอ หากการรับประทานอาหารดูเป็นเรื่องที่ไม่สะดวกนัก อาจลองดูเป็นอาหารเสริมในรูปแบบวิตามินก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ ส่วนใครที่มีพฤติกรรมที่ว่าเหล่านี้ไปสำรวจตัวเองพร้อมกันเลยว่าอาการตาแห้งได้มาเยี่ยมเยือนคุณแล้วหรือยัง
อาการตาแห้งเป็นอย่างไร อันตรายไหม
อาการตาแห้งที่พบได้บ่อย เช่น
- คันตา แสบตา
- ระคายเคืองเหมือนมีอะไรอยู่ในตาตลอดเวลา
- ตาขาวมีสีแดงที่เกิดจากการอักเสบ
- ตาพล่ามัวในบางขณะ
- ขี้ตาเป็นเมือกเหนียว
แน่นอนว่าอาการตาแห้งหากปล่อยทิ้งไว้นาน ไม่เข้ารับการรักษา ในรายที่มีอาการหนักอาจถึงต้องเข้ารับการผ่าตัดได้เลย ในเบื้องต้นอาการตาแห้งอาจไม่ได้อันตรายอะไรมากนัก เมื่อคุณอยู่กับมันจนชินจนกลายเป็นเรื่องเล็ก และเมื่อรู้ตัวอีกทีจากเรื่องเล็กอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่คุณไม่ทันได้เตรียมใจไว้เลยล่ะ
สาเหตุของอาการตาแห้ง
อาการตาแห้งเกิดจากหลายสาเหตุ ได้แก่
- ต่อมไขมันเปลือกตาทำงานผิดปกติ
- ร่างกายสร้างน้ำตาลดลง พบบ่อยในผู้สูงอายุ
- ใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลานาน โดยไม่ได้ถอดออกเพื่อพักดวงตา
- อยู่ในสภาวะแวดล้อมที่มีมลพิษ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น ควัน เพราะในอากาศปกติก็มีแบคทีเรียมากพอสมควรแล้ว ยิ่งอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่มีมลพิษยิ่งเป็นการซ้ำเติมดวงตาไปอีกขั้น
- ใช้สายตาเป็นระยะเวลานาน เช่น จ้องคอมนาน ติดมือถือ ดูทีวีทั้งวัน หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ให้พักการใช้สายตาเป็นระยะ
- การใช้ยาบางประเภท เช่น ยาแก้แพ้ ยาต้านซึมเศร้า ยาคุมกำเนิด
วิธีง่าย ๆ ให้ห่างไกลจากอาการตาแห้ง
1. ปรับพฤติกรรมการใช้มือถือหรือคอมพิวเตอร์
ลดการจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน พักสายตาเป็นระยะ หรือในกลุ่มที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้งานหน้าจอมากขนาดนั้น อาจปรับลดเวลาการใช้งานลงเพื่อถนอมดวงตา ลองวิธีง่ายด้วยการตั้งนาฬิกาปลุกเพื่อเตือนว่าถึงเวลาหยุดพักการใช้งานดวงตาแล้ว ออกไปทำกิจกรรมอื่นเพื่อผ่อนคลายร่างกายและความเครียด
2. หยอดน้ำตาเทียม
น้ำตาเทียมช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตาได้ แต่ใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น เมื่อติดใช้น้ำตาเทียมเป็นประจำร่างกายจะผลิตน้ำตาออกมาน้อยลงจนเกิดเป็นปัญหากระทบส่วนอื่นต่อไป
3. บำรุงด้วยวิตามิน
เสริมด้วยอาหารช่วยบำรุงตาที่มีวิตามิน A วิตามิน B6 และวิตามิน B12 ซึ่งพบได้ในอาหารเหล่านี้
- วิตามิน A มีอยู่ใน ตับ นม ไข่แดง ผักใบเขียว เช่น ผักบุ้ง คะน้า ผักกาดขาว ใบเหลียง เป็นต้น ผลไม้สีส้ม เช่น แครอท ฟักทอง มันเทศสีส้ม มะละกอสุก เป็นต้น
- วิตามิน B6 มีอยู่ในธัญพืช รำข้าว จมูกข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต ผักใบเขียว กล้วย ในเนื้อสัตว์ เช่น ไข่ ตับ ปลา กุ้ง ทูน่า ชีส
- วิตามิน B12 มีอยู่ในนม เนื้อปลา เนื้อสัตว์ และเกือบทุกอย่างที่มาจากสัตว์
สรุป
อาการตาแห้ง หนึ่งในอาการสุดฮิตของคนยุคใหม่ที่ไม่ว่าใครต่างก็เคยประสบพบเจอ หากวันนี้คุณมีไลฟ์สไตล์จ้องคอมนาน ติดมือถือ ดูทีวีทั้งวัน รีบปรับพฤติกรรมก่อนจะทำร้ายดวงตาไปมากกว่านี้ เพราะดวงตาเป็นหน้าต่างของทุกอย่าง หากหลีกเลี่ยงไม่ได้อาหารเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยถนอมดวงตาของเราให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้น