เวทเทรนนิ่งหรือคาร์ดิโอ ออกกำลังกายแบบไหนดีกว่ากัน
ทำไมต้องคาร์ดิโอ เวทเทรนนิ่ง ช่วงหลังเรามักจะได้ยินอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเวทเทรนนิ่งหรือคาร์ดิโอ หากสายออกกำลังกายคงรู้จักเป็นอย่างดีถึงวิธีการออกกำลังกายทั้งสองแบบนี้ซึ่งมีความแตกต่างกัน และวันนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับการออกกำลังทั้งสองแบบก่อนตัดสินใจเลือกออกกำลังกายให้ถูกวิธีและเหมาะสมกับสรีระร่างกายของตัวเองกัน
เวทเทรนนิ่งคืออะไร ประโยชน์ เหมาะกับใคร
เวทเทรนนิ่ง คือ การออกกำลังกายแบบใช้แรงต้าน (Resistance Exercise) นิยมออกกำลังกายโดยการยกเวท นอกจากจะช่วยเผาผลาญไขมันแล้วยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออีกด้วย การออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่งที่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดกันอยู่บ่อยครั้งที่เชื่อว่าการออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่งจะทำให้กล้ามแขนใหญ่ แต่การเวทเทรนนิ่งให้มีกล้ามขึ้นขนาดนั้นต้องอาศัยวินัย และระยะเวลา การควบคุมอาหารอย่างรัดกุม ดังนั้นการเวทเทรนนิ่งทั่วไปไม่ทำให้กล้ามแขนใหญ่แน่นอน
ประโยชน์ของการเวทเทรนนิ่ง ช่วยให้ร่างกายมีมวลกล้ามเนื้อมากขึ้น, เพิ่มมวลกระดูก ลดความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน, ร่างกายกระฉับกระเฉง, เพิ่มความยืดหยุ่นและการทรงตัว
เหมาะกับใคร เวทเทรนนิ่งเหมาะกับคนทั่วไป และบุคคลที่อายุ 30 ปีขึ้นไปจำเป็นต้องออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่งเพื่อช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อ กระตุ้นระบบการเผาผลาญ เพราะหลังจากอายุ 30 ปีไปแล้วร่างกายจะสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ 3-5% ทุกๆ 10 ปี
คาร์ดิโอคืออะไร ประโยชน์ เหมาะกับใคร
คาร์ดิโอ คือ การออกกำลังกายที่เน้นสร้างความแข็งแรงให้หัวใจและปอดให้สามารถนำออกซิเจนมาใช้ได้มากขึ้น กระตุ้นอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิต ช่วยเผาผลาญแคลลอรี่ โดยเน้นการออกกำลังกายแบบใช้เวลาต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นให้หัวใจเต้นอยู่ในระดับสูงกว่า 60% การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอสามารถทำได้หลายวิธีไม่ว่าจะเป็นการ ปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำ, วิ่ง, เดินเร็ว, กระโดดเชือก เป็นต้น
ประโยชน์ของการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ คือ ช่วยลดน้ำหนัก, เสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกาย, กระตุ้นภูมิคุ้มกัน, ลดคอเรสเตอรอล, ชะลอการเสื่อมสภาพของร่างกาย, สมองปลอดโปร่ง
เหมาะกับใคร เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย ยกเว้น กลุ่มคนที่มีปัญหาด้านข้อต่อ, เบาหวาน, ความดันโลหิตสูง หากต้องการออกกำลังกายควรพบแพทย์เพื่อปรึกษา หรือหากสามารถออกกำลังกายในน้ำได้จะช่วยลดแรงกระแทกและแรงกดที่ข้อต่อได้
แบบไหนดีกว่ากัน หรือทำควบคู่กันไป
จริงๆแล้วการออกกำลังกายทั้งสองประเภทมีจุดเด่นแตกต่างกัน ซึ่งเวทเทรนนิ่งช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อให้กับร่างกาย เมื่อกล้ามเนื้อมากขึ้นร่างกายสามารถเผาผลาญไขมันที่สะสมได้ดีขึ้น ส่วนคาร์ดิโอเน้นลดน้ำหนัก แต่เมื่อน้ำหนักลดแล้วอาจเกิดความหย่อนคล้อยตามมาได้เพราะไม่มีกล้ามเนื้อ หุ่นไม่เฟิร์มกระชับ หากจะให้ดีแนะนำให้ออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่งและคาร์ดิโอควบคู่กันเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
แจกตาราง body weight training สำหรับมือใหม่
Day1 | Day2 | Day3 | Day4 | Day5 | Day6 | Day7 | |
Push up/ Knee push up | 8 | 8 | 8 | 8 | 8 | 8 | พัก |
DB Row | 10 | 10 | 10 | 10 | 10 | 10 | พัก |
Crunch | 10 | 10 | 10 | 10 | 10 | 10 | พัก |
Glute Bridge | 12 | 12 | 12 | 12 | 12 | 12 | พัก |
Deadlift | 10 | 10 | 10 | 10 | 10 | 10 | พัก |
Squat | 10 | 10 | 10 | 10 | 10 | 10 | พัก |
Full plank/ Elbow plank | 30 วิ | 30 วิ | 30 วิ | 30 วิ | 30 วิ | 30 วิ | พัก |
ตารางท่าบริหารเวทเทรนนิ่งสำหรับ 1 สัปดาห์เท่านั้น สัปดาห์ที่ 2,3,4 ให้เพิ่มจำนวนเซ็ตขึ้นสัปดาห์ละ 2 เซ็ท โดยบวกเพิ่มจากเดิมเข้าไปได้เลย เช่น Push up สัปดาห์ที่ 1 ทำ 8 เซ็ต สัปดาห์ที่ 2 ทำ 10 เซ็ต สัปดาห์ที่ 3 ทำ 12 เซ็ต ไปเรื่อยๆ
หลังจากเวทเทรนนิ่งแล้วให้ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอหรือกิจกรรมแอโรบิคทั่วไปได้เลยเพื่อช่วยให้การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพมากที่สุดโดยคาร์ดิโอสามารถทำได้โดยใช้เครื่องเล่นในยิมทั่วไปได้เลยนะคะ